อสังหาฯรายใหญ่ตุนที่ดินรอพัฒนาแรงหนุนEECบูมพัทยา-‘จอมเทียน’ตลาดไฮเอนด์
นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ Residential Business บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด และเป็นทายานรุ่นที่ 3 ของตระกูล “อัสสกุล” กล่าวว่า ผลพวงจากการที่ภาครัฐบาลได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ทั้งปัจจัยบวกทั้งเรื่องการขยายสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา การขยายโครงข่ายคมนาคมเช่น งบลงทุนทางหลวงระหว่างเมืองจากพัทยาไปสู่มาบตาพุด การขยายปรับปรุงท่าเรือแหลมฉบัง และแผนพัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินทั้ง สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา ล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อการส่งเสริมให้ตลาดอสังหาริม- ทรัพย์ในพัทยาเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง
“พบว่า มีกลุ่มทุนอสังหาฯรายใหญ่เข้ามาลงทุนในพัทยาเป็นจำนวนมาก จะเป็นตลาดคอนโดมิเนียมเป็นหลัก แต่ทำเลที่กำลังเติบโตและเป็นตลาดที่น่าจับตามองในปัจจุบันและ ต่อเนื่อง ในอนาคต จะเป็นทำเลจอมเทียนที่มีศักยภาพมาก เพราะด้วยที่ดินที่ยังมีอยู่ และด้วยเรื่องของก่อสร้าง ถนนมอเตอร์เวย์ที่มีจุดขึ้นลงในย่านจอมเทียน จะช่วยผลักดันให้ที่นี่ หาดจอมเทียนเป็นทำเลของที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ ซึ่งมีบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่มีที่ดินรอการพัฒนา ในทำเลดังกล่าว และคงต้องจับตามอง นโยบายภาครัฐที่จะยกระดับให้พื้นที่จอมเทียนเป็นตลาดลักชัวรีไฮเอนด์”
ในส่วนของแผนลงทุนของบริษัทฯ นั้น บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายภายใต้ ชื่อโครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน” คอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ (High Rise) สไตล์ โมเดิร์น สูง 37 ชั้น จำนวน 268 ยูนิต พัฒนาบนเนื้อที่ 2 ไร่กว่า จากพื้นที่รวมทั้งหมด 120 ไร่ ซึ่งยังคงมียูนิตที่ทำการตลาดประมาณ 80 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบ 1 ห้องนอน เฉลี่ยในแต่ละเดือนมียอดจองซื้อเข้ามา 2-3 เดือน โดยตัวโครงการมีมูลค่า 3,000 ล้านบาท
“แนวโน้มในทำเลนี้จะเติบโต ซึ่งมีการไหลเข้ามาของประชากรของนักท่องเที่ยวผ่านเข้าท่าเรือ ซึ่งเป็นที่จอดเรือยอชต์เฉลี่ยเดือนละ 18,000 คน หรือวันละ 600 คน แต่ช่วงไฮซีซันทะลุไปถึง 1,000 คนต่อวัน”
โดยในแผนลงทุนปี 2561 วางไว้ 100 ล้านบาทในการสร้างท่าจอดเรือยอช์ทเพิ่มอีก 60 ท่าจอดเรือ จากที่มีท่าจอดเรือ 380 ลำ และงบในส่วนปรับปรุงท่าเดิม ซึ่งในแต่ละปี ธุรกิจการให้บริการท่าจอเรือยอชต์และอื่นๆ จะสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี.
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา